Distinction in travel journalism
Is independent travel journalism important to you?
Click here to keep it independent

13 May, 2020

เคล็ดลับและกับดัก: การทำงานจากที่บ้านระหว่างช่วงวิกฤต

โดย Mishari Muqbil และ Pakapak Sangkhasuntorn

วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่คนทั้งโลกกำลังต้องเผชิญหน้ากันอย่างคาดไม่ถึงอยู่ในตอนนี้ นโยบายการห้ามการเดินทางบีบบังคับให้บริษัทต่าง ๆ ต้องให้พนักงานทำงานจากที่บ้านแทนการเดินทางเข้ามาทำงานยังออฟฟิศ เหตุนี้ทำให้เกิดการพลิกผันในรูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตของคนจากที่เคยเป็นมา แต่อย่างไรก็ดียังมีบางคนที่รู้สึกมีความสุขจากความเพลิดเพลินของการทำงานจากที่บ้านมาหลายปีแล้ว จากรูปแบบการทำงานที่เรียกว่า “การทำงานจากระยะทางไกล (Remote Work)”

Gitlab เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดตัวอย่างหนึ่งสำหรับบริษัทที่มีพนักงานถึงหนึ่งพันสองร้อยคนจากหกสิบห้าประเทศ ที่ทำงานร่วมกันโดยไม่มีออฟฟิศ นี่คือบริษัทที่ทำงานจากระยะทางไกลอย่างแท้จริง คู่มือการทำงานของพวกเขาคือสิ่งที่ควรค่าแก่การศึกษาอย่างแท้จริง ถ้าคุณอยากจะรู้วิธีการจัดการกับทีมงานให้ทำงานจากระยะทางไกลแบบมีประสิทธิภาพได้ ลองอ่านดูที่นี่ https://about.gitlab.com/company/culture/all-remote/ และเนื้อหาต่อจากนี้คือเคล็ดลับบางประการสำหรับมือใหม่ที่ต้องทำงานจากที่บ้าน

Mishari Muqbil

 

Pakapak Sangkhasuntorn

 

วัดผลลัพธ์จากการทำงาน

(+) ในมุมมองของบริษัทสิ่งสำคัญที่สุดของการทำงานจากที่บ้านก็คือการวัดผลลัพธ์จากการทำงาน หลายบริษัทคุ้นเคยกับการให้พนักงานคอยอยู่รอบ ๆ เพื่อรอรับคำสั่ง แต่การทำงานจากระยะทางไกลนั้นมีแนวคิดที่ต่างออกไป เมื่อมีการมอบหมายงาน และตัวงานมีการวัดผลในแง่มุมของผลงานหรือที่ดีกว่านั้นคือผลลัพธ์ แต่ไม่ใช่เวลาที่ใช้สำหรับการทำงานนั้น ๆ

ตัวอย่างของผลงานอาจจะเป็น “การสร้างแคมเปญโซเชี่ยลมีเดีย” ผลลัพธ์ก็คือ “ลูกค้าใหม่หนึ่งร้อยคน” เมื่อกำหนดเนื้อหางานและผลลัพธ์ได้แล้วย่อมแปลว่าพนักงานจะมีความยืดหยุ่นในการจัดรูปแบบการทำงานและชีวิตส่วนตัวในสภาวะแวดล้อมการทำงานที่มีขอบเขตไม่ชัดเจน บางคนสามารถทำงานรวดเดียวได้แปดชั่วโมงติดต่อกัน บางคนอาจจะรู้สึกว่าอยากทำงานหกชั่วโมงในตอนเช้า และอีกสองชั่วโมงในช่วงหัวค่ำ และบางคนอาจจะตัดสินใจว่าตนเองต้องการใช้เวลาแค่สี่ชั่วโมงในการจัดการงานทั้งหมดของตัวเอง จงเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเหล่านี้ ยืดหยุ่นในสิ่งที่จำเป็น และต้องมั่นใจว่าคุณจะวัดผลในสิ่งที่สำคัญ

หลายบริษัทที่ทำงานจากระยะทางไกล กำหนดให้พนักงานเข้ามาแสดงตัวในช่วงเวลาบางช่วง เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความพร้อมที่จะทำงานในวันนั้น แต่ไม่ได้มีการติดตามผลว่าพนักงานลงมือทำงานจริง ๆ หรือไม่ การเรียกร้องให้เปิดกล้องเว็บแคมตลอดเวลาทำงานเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาด เพราะสถานที่ทำงานนั้นอาจเป็นสถานที่ส่วนตัวที่สมาชิกของครอบครัวของพนักงานใช้ร่วมกันอยู่ด้วย

ต้องมั่นใจในความปลอดภัย

(+) อีกประเด็นที่ควรให้ความสำคัญก็คือเรื่องของความปลอดภัย สองสิ่งที่บริษัทต้องเผชิญก็คือเรื่องของการหลอกขโมยข้อมูล (Phishing) และการรั่วไหลของข้อมูลลับ การหลอกขโมยข้อมูล คือเหตุการณ์เมื่อผู้มีความประสงค์ร้ายแสร้งทำตัวเป็นผู้ที่มีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล และส่งอีเมล์หาคุณเพื่อขอให้คุณกรอกข้อมูลบางอย่างให้กับพวกเขา

ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะได้รับอีเมล์จากแผนกบุคคล ขอให้คุณกรอกข้อมูลรายละเอียดของบัตรเครดิตเพื่อเร่งรัดกระบวนการในการคืนเงิน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคืออีเมล์จากโจรไซเบอร์ที่หลอกคุณว่าเป็นแผนกบุคคล เพื่อหลอกให้คุณส่งข้อมูลส่วนตัวให้กับพวกเขา หรือใครบางคนอาจจะปลอมตัวเป็นซีอีโอของบริษัทมาขอให้คุณรีบส่งข้อมูลลับให้กับเขา เป็นต้น

มีวิธีการป้องกันสิ่งเหล่านี้อยู่หลายวิธีรวมไปถึงการใช้รหัสอ้างอิงที่สามารถตรวจสอบกลับไปได้จากกระดานประกาศของบริษัท เช่น รหัส HR- 123 ซึ่งสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบกับประกาศที่สอดคล้องกันในห้องแชทของบริษัทได้ และเพื่อใช้บังคับเป็นลายเซนต์ดิจิทัลสำหรับพนักงานทุกคน ซึ่งสามารถใช้ระบุตัวตนผู้ส่งข้อความว่าเป็นใครกันแน่ได้อีกด้วย วิธีการแนะนำอีกวิธีการคือการตั้งทีมรักษาความปลอดภัยซึ่งรับหน้าที่การรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ

การรั่วไหลของข้อมูลลับออกจากบริษัทเกิดขึ้นได้ในหลาย ๆ รูปแบบ รวมไปถึงการทำสำเนาจำนวนมากของเอกสารลับ หรือการลอบทำสำเนาข้อมูลระหว่างการโอนถ่ายฐานข้อมูลของบริษัท วิธีการหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหานี้ก็คือการจัดเตรียมคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเอาไว้ในศูนย์ข้อมูลและเชื่อมต่อระยะไกลกับจอมอนิเตอร์ที่อยู่ภายนอกผ่านทางแอปพลิเคชั่น เช่น Ulteo Open Virtual Desktop หรือ VMWare VDI ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ผู้ประสงค์ร้ายอาจจะมองเห็นสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ แต่พวกเขาก็คงพบว่าการจะเข้ามาดูดข้อมูลสำคัญของบริษัทนั้นไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายดายอย่างแน่นอน

แขวนป้าย “ห้ามรบกวน”

(+) สิ่งสำคัญที่สุดของการทำงานจากที่บ้านก็คือมุมมองในบริหารการจัดการความสนใจของตัวพนักงานเอง ในขณะที่ทำงานอยู่ที่บ้านพนักงานมักจะพบการรบกวนจากสมาชิกในครอบครัวเพราะความเข้าใจผิดว่าการทำงานจากที่บ้านคือการอยู่บ้าน สามีหรือภรรยาของคุณอาจจะเข้ามาขอความคิดเห็นเรื่องที่ไม่ได้มีความสำคัญ และลูก ๆ ของคุณอาจจะวิ่งเข้ามาหาคุณระหว่างการประชุม วิธีการหนึ่งที่จะใช้แก้ปัญหานี้ก็คือการจัดสรรเวลาอย่างชัดเจน ด้วยการแขวนแสดงสัญลักษณ์บางอย่างแทนการแขวนป้าย “ห้ามรบกวน” ในเวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัว อาจจะเป็นอะไรง่าย ๆ อย่างเช่น “ถ้าแม่สวมหูฟังอยู่ อย่าพึ่งเข้ามาคุยกับแม่นะคะ” เป็นต้น

มันเป็นเรื่องที่ดีที่จะร่วมกันแบ่งปันความรับผิดชอบต่าง ๆ กับคนสำคัญของคุณ เมื่อคนหนึ่งทำงานอยู่ อีกคนก็หลีกเลี่ยงที่จะเข้ามารบกวน ในบ้านที่ทั้งพ่อและแม่ต้องทำงานทั้งคู่ การกำหนดเวลาอย่างเช่น สองชั่วโมงที่ตั้งใจทำงาน ตามด้วยสองชั่วโมงที่ช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ในบ้านในขณะที่อีกคนกำลังตั้งใจทำงานก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ อย่างไรก็ดีอย่าหนีซ่อนตัวจากลูก ๆ ของคุณ หากพวกเขาวิ่งเข้ามาหาระหว่างการประชุม ก็ให้คิดเสียว่านี่คือส่วนหนึ่งของความสุขจากการทำงานจากที่บ้านและยังเป็นโอกาสให้ลูกของคุณได้สวัสดีเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นความคิดที่ดีที่จะจัดสรรช่วงเวลากินขนม (เราจะคุยเรื่องนี้กันในภายหลัง) สำหรับคุณและเพื่อนร่วมงานของคุณที่มีลูกเช่นกัน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้มาทำความรู้จักกันและพูดคุยกันได้อีกด้วย

ปรับความเข้าใจในการสื่อสาร

(+) เมื่อต้องสื่อสารกับพนักงานคนอื่น ๆ จากระยะทางไกล สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าการสื่อสารจากระยะทางไกลไม่อาจถ่ายทอดสารต่าง ๆ ได้ครบถ้วนทั้งหมด เพราะท่าทางการแสดงออกและอวัจจนภาษาต่าง ๆ มักจะตกหล่นไประหว่างทาง เพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปเหล่านี้ ลองวิธีเหล่านี้ดู:

ประการแรก ใช้วิธีการส่งอีเมล์เพื่อสื่อสาร การเขียนอีเมล์เป็นลายลักษณ์อักษร ให้ตรงประเด็น และมีความชัดเจน คือวิธีการที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ และไม่ทำให้ผู้รับสารเสียสมาธิจากการทำงานเหมือนกับการสื่อสารทางแชทที่แจ้งเตือนตลอดเวลา

ประการที่สอง เมื่อทำการประชุมทางโทรศัพท์ สิ่งสำคัญคือการใช้กล้องเว็บแคมเพื่อให้บริบทการสื่อสารครบถ้วนไม่ตกหล่น เมื่อใช้กล้องเว็บแคมก็ควรจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหัวข้อการประชุมนั้น “หันเหความสนใจ” ของพวกเขาไปสู่สิ่งอื่นได้ เพื่อให้พวกเขาได้ทำงานอื่น ๆ ของตัวเองไป ถ้าคุณต้องการให้เข้ากลับเข้ามาร่วมในบางประเด็นก็ทำได้เพียงแต่เรียกชื่อของพวกเขาเท่านั้นเอง

ประการที่สาม ยอมรับกับการ “ห้ามรบกวน” หรือในอีกความหมายก็คือการจัดสรรช่วงเวลาเพื่อตั้งใจทำงาน ทีมควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่พนักงานรู้สึกว่าพวกเขาต้องอ่านหรือตอบแชททันทีตลอดเวลา มันอาจจะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าทำงานสำเร็จไปหลายอย่างเมื่ออ่านและตอบแชททันที แต่จริง ๆ แล้วมันทำให้ประสิทธิการทำงานในภาพรวมลดลง และทำให้คนหมดไฟทำงานลงได้อย่างรวดเร็ว

แอปพลิเคชั่นสองตัวที่ดีเยี่ยมสำหรับการประชุมทางวีดีโอคือ Jitsi Meet และ Zoom เหตุผลสำคัญเพราะนอกจากคุณภาพของเสียงที่ดีและเชื่อถือได้ ก็คือการตั้งค่าเพื่อเริ่มต้นการประชุมที่ง่ายดาย และความสามารถที่จะใช้บันทึกการประชุมได้

จัดโครงสร้างการสื่อสาร

(+) การสื่อสาร โดยเฉพาะพวกการสื่อสารหัวข้อที่ไม่เป็นทางการ ควรที่จะทำผ่านช่องทางที่เป็นทางการต่าง ๆ การจัดลำดับของโครงสร้างการสื่อสารจะช่วยให้ทุกคนรู้ว่าต้องไปคุยกันที่ไหนเมื่อต้องการสื่อสารเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ และสามารถติดตามข้อมูลการสื่อสารประเด็นนั้น ๆ ได้ด้วย แพลตฟอร์มการสื่อสารที่ดีจะต้องค้นหาได้ แบ่งปันได้ บริหารข้อมูลในอดีตและสามารถตรวจสอบได้ในกรณีที่มีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

นี่คือสาเหตุที่ควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารสาธารณะมากกว่าการสื่อสารแบบส่วนตัว อย่างเช่นการสื่อสารในห้อง Slack ของแผนก ควรจะมีความสำคัญมากกว่าการส่งข้อความคุยกันเป็นการส่วนตัว และควรให้การสื่อสารด้วยการเขียนมีความสำคัญมากกว่าการสื่อสารด้วยคำพูด ข้อกำหนดเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะคุณจะได้หลีกเลี่ยงการทำเรื่องซ้ำ ๆ เนื่องจากสามารถตรวจสอบข้อมูลในอดีตอย่างเช่นข้อความในแชท ในโพสต์ หรือในวีดีโอที่บันทึกไว้ได้ ซึ่งมีประโยชน์เป็นอย่างมาก

บางบริษัทก็ตัดสินใจที่จะใช้แอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง Line ในการสื่อสาร แต่ตัวเลือกอื่น ๆ อย่างเช่น Mattermost, Rocket Chat, Slack หรือ Gitter มีคุณสมบัติสำหรับการทำงานที่ดีกว่ามาก เพราะใน Line นั้นไม่สามารถแยกหัวข้อการสนทนาแต่ละหัวข้อออกจากกันได้ ทำให้เวลาต้องการจะติดตามเรื่องไหนโดยเฉพาะเป็นไปได้ยาก และการเก็บข้อมูลใน Line ก็มีแนวโน้มที่จะสูญหายได้ เพราะ Line นั้นจะเก็บข้อมูลไว้ใน Server ในช่วงเวลาที่จำกัด ทำให้ต้องเสียเวลามากมายในการค้นหาข้อมูลหรือขอให้คนอื่น ๆ ส่งข้อมูลมาให้ใหม่

การเก็บบันทึกข้อมูล

(+) การประชุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางตัวหนังสือ หรือว่าวีดีโอคอลล์ ควรมีการบันทึกข้อมูลและจัดเก็บเพื่อที่จะใช้อ้างอิงถึงในภายหลัง หากมีข้อสรุปใด ๆ จากการประชุม ควรมีคนสร้างไฟล์พร้อมรายละเอียดหัวข้อต่าง ๆ จากการประชุมเก็บไว้ Google docs, Collabora Online, Microsoft Office 360 และเครื่องมือบันทึกข้อมูลออนไลน์ต่าง ๆ ที่สามารถให้ผู้ใช้งานหลาย ๆ คนเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้พร้อม ๆ กันเป็นเครื่องมือที่ดีมากสำหรับการให้ผู้เข้าร่วมประชุมหลาย ๆ คนเข้าไปบันทึกและเพิ่มเติมข้อมูลในเอกสารพร้อมหมายเหตุจากการประชุม เพื่อให้เห็นความคืบหน้าจากการประชุม

ในการประชุมบางครั้งคุณอาจจะพบกับสถานการณ์ที่มีผู้เข้าการร่วมประชุมบางคนอยู่ในห้องประชุมด้วย แต่บางคนโทรเข้ามาจากภายนอก การประชุมรูปแบบนี้เรียกว่าการประชุมแบบไฮบริด และเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างมาก หากมีใครบางคนโทรเข้ามาร่วมประชุม จะเป็นการดีกว่าถ้าให้คนอื่น ๆ พูดผ่านทางอุปกรณ์ของพวกเขา คุณอาจจะเห็นคนหลาย ๆ คนนั่งอยู่ในห้องเดียวกันแต่พูดคุยผ่านอุปกรณ์ของตัวเอง อย่างไรก็ดีการทำแบบนี้จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าทุก ๆ คนกำลังทำการสื่อสารในรูปแบบเดียวกัน และการทำแบบนี้ยังช่วยหลีกเลี่ยงการที่คนซึ่งอยู่ภายนอกห้องจะถูกทอดทิ้งจากการประชุม เพราะพวกเขาพลาดการมองเห็นอวัจจนภาษาต่าง ๆ และเสียงที่ไม่ต่อเนื่องชัดเจน

รับมือกับภาษาหลาย ๆ ภาษา

(+) ถ้าบริษัทของคุณมีพนักงานที่พูดกันหลาย ๆ ภาษา เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือกภาษาเพียงหนึ่งภาษาที่ทุกคนเข้าใจกันได้มากที่สุด ในบางสถานการณ์เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเลือกภาษาเพื่อใช้สื่อสารและบริษัทบางแห่งถึงกับต้องแยกทีมที่พูดภาษาต่าง ๆ กัน จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะเลือกภาษาให้ชัดเจนว่าจะใช้ภาษาไหนในบริบทไหน และต้องใช้ภาษานั้นอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ในการประกาศแจ้งเรื่องการประชุมคุณอาจจะใส่วงเล็บระบุภาษาเช่น [THAI] ไว้ในหัวข้อได้เลย เพื่อเป็นการชี้ให้เห็นว่าการประชุมนั้นจะใช้ภาษาไทยเป็นหลักเพียงอย่างเดียว

อุปกรณ์ที่ควรจะมีสำหรับการสื่อสารรูปแบบนี้ก็คือกล้องเว็บแคมที่มีคุณภาพเหมาะสมซึ่งคนส่วนใหญ่มีใช้อยู่ในทุกวันนี้ หูฟัง ไมโครโฟนชนิดคอนเดนเซอร์ การที่คุณภาพเสียงดีทำให้มั่นใจได้ว่าจะประหยัดเวลาไปได้มากมาย จะดียิ่งกว่านั้นถ้าหูฟังเป็นแบบกันเสียงรบกวนจากภายนอกซึ่งจะช่วยให้เกิดความตั้งใจกับงานได้มากขึ้นอีกด้วย

เมื่อต้องเลือกซอฟต์แวร์สำหรับรูปแบบของการสื่อสารนี้ พยายามหาซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ซมาใช้ ซึ่งในช่วงนี้หลายบริษัทก็เปิดช่วงทดลองฟรีให้คุณได้ทดลอง เพื่อที่จะเรียกเก็บเงินเพิ่มหลังจากวิกฤตการณ์จบลง การเลือกใช้ซอฟต์แวร์​โอเพนซอร์ซหมายความว่าคุณเป็นเจ้าของเทคโนโลยีที่คุณเลือกใช้และไม่ยึดติดกับผู้ให้บริการรายไหนเป็นพิเศษเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจของคุณ

ช่วงเวลาเข้าสังคมเป็นสิ่งดี

(+) โดยทั่วไปแล้วการมีช่วงเวลาการเข้าสังคมของพนักงานในบริษัทเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถสร้างช่วงเวลานี้ในรูปแบบห้องแชทเพื่อให้สมาชิกในทีมเข้ามาพูดคุยเรื่อง ๆ ทั่ว ๆ ไป หรือแนะนำต่อแก่คนอื่น ๆ ในบริษัท คุณอาจจะกำหนดหัวข้อพิเศษสำหรับความสนใจแต่ละเรื่อง อย่างเช่นเรื่องของ ภาพยนตร์ อนิเมะ หรือ เคป๊อป เป็นต้น ไม่ต้องกังวลหากไม่มีใครให้ความสนใจ เพราะการรวมตัวคนเพื่อสร้างกลุ่มใหม่ ๆ ต้องใช้เวลาเสมอ รูปแบบกลุ่มที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกก็คือกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ที่ซึ่งคนสามารถเข้ามานำเสนอสิ่งต่าง ๆ หรือกลุ่มชวนกันมาทำอาหารที่ซึ่งคนจะเข้ามาพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับการทำอาหารและสนับสนุนกัน

ลองใช้ความคิดสร้างสรรค์! กิจกรรมรูปแบบเหล่านี้จะช่วยสร้างความเชื่อถือกันให้เกิดขึ้นภายในบริษัท และการสนทนาแบบไม่เป็นทางการเหล่านี้ก็ควรจะถูกจัดโครงสร้างด้วยที่เป็นทางการตั้งแต่แรก อย่างน้อยที่สุดหัวหน้าทีมและสมาชิกในทีมควรจะเข้ามาแสดงตัวสักวันละครั้งในช่วงเช้า หรือในช่วงการเข้าสังคมอื่น ๆ หรือช่วงพักเที่ยง หรือช่วงพักดื่มชาตอนบ่าย Gitlab มีช่วงเวลากินขนมซึ่งพ่อแม่และเด็ก ๆ สามารถออนไลน์เข้ามาทำความรู้จักกัน

มีความสนุกสนาน

(+) ท้ายสุดนี้ ในความสนใจเรื่องการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่สำคัญก็คือการลดความเป็นทางการระหว่างคนในบริษัทลง การสื่อสารแบบเป็นทางการมีแนวโน้มจะนำไปสู่ค่าใช้จ่ายมหาศาลและมีแนวโน้มที่จะเกิดการปิดบังข้อมูลจำนวนมาก การทำให้ทุกสิ่งไม่เป็นทางการช่วยสร้างความโปร่งใส ช่วยให้เกิดการแสดงออก และเปิดโอกาสให้มีการสื่อสารกับทุก ๆ ทีมงานในบริษัท ซึ่งจะช่วยให้การทำงานที่บ้านไม่เพียงมีประสิทธิภาพ และยังมีความสนุกสนานอยู่อีกด้วย

หากมีคำถามอื่น ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานจากที่บ้านสำหรับองค์กรของคุณ คุณสามารถติดต่อผู้เขียนได้ที่ hello@zymple.biz

Mishari Muqbil CEO ของ Zymple.biz คือผู้ช่วยให้ทีมโปรแกรมเมอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านทางซอฟท์แวร์โอเพนซอร์ซ และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง CoderDojo Thailand อีกด้วย

Pakapak Sangkhasuntorn Startup Studio Manager ทำงานร่วมกับทีม Start Ups ของ SCG หนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย